0

รู้จักกลุ่มเป้าหมายที่เข้าเว็บคุณได้ง่ายๆ ด้วย UTM

9 มกราคม 2021

หลังจากที่ธุรกิจคุณมีเว็บไซต์ และเชื่อมต่อกับ Google Analytics เรียบร้อยแล้ว ในกรณีที่คุณทำการตลาดออนไลน์ไม่ว่าจะเป็นการซื้อโฆษณา หรือจ้าง KOL ก็ตาม หากคุณต้องการให้การตลาดที่คุณลงแรง ลงงบประมาณลงไปนั้นมีการวัดผลที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สิ่งหนึ่งที่คุณต้องรู้จักเลยก็คือ UTM Link

UTM Link ก็คือลิงก์ที่จะทำให้คุณรู้ว่า “คนที่เข้าเว็บไซต์คุณเป็นใคร Traffic มาจากที่ไหน” ซึ่งตรงจุดนี้ดูเหมือนว่าแค่ดูข้อมูลวิเคราะห์จาก Google Analytics ธรรมดาก็เพียงพอแล้วใช่ไหมคะ แต่จริงๆ แล้วการที่คุณนำลิงก์เว็บไซต์ของคุณไปใช้ในที่ต่างๆ UTM Link จะเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ เพราะคุณจะได้สามารถวิเคราะห์และประเมินได้ว่า คุณเอาลิงก์ไปแปะไว้ที่ไหน หรือยิงโฆษณาหากลุ่มเป้ามหายกลุ่มไหน ใช้โฆษณารูปแบบอะไรแล้วเวิร์คสุด

Link สำหรับสร้าง UTM Link: https://ga-dev-tools.appspot.com/campaign-url-builder/

ทีนี้ เรามาดูกันต่อที่ส่วนประกอบ 5 ส่วนของ UTM Link กันค่ะ

*1. Campaign Source (utm_source): คือสิ่งที่บอกว่าคนที่เข้าลิงก์นี้มานั้นมาจากแหล่งออนไลน์ไหน วิธีการใส่คือ ใส่เป็นแหล่งที่เราจะนำลิงก์นั้นไปใช้งานค่ะ เช่น ต้องการนำลิงก์นี้ไปใช้ในการยิงโฆษณา Facebook ก็ใส่เป็น FBAds เป็นต้น

*2. Campaign Medium (utm_medium): คือสิ่งที่ทำให้เรารู้ว่า จาก source ที่มาจาก Facebook นั้นลิงก์ถูกใช้ในรูปแบบการนำเสนอแบบไหน เช่น Email, VDO, Singleimage หรือ Carousel เป็นต้น

*3. Campaign Name (utm_campaign): ทีนี้เรารู้แล้วว่าลิงก์นี้ถูกใช้ “ที่ไหน” (source) และรู้แล้วว่าใช้ใน “รูปแบบอะไร” (Medium) แต่บางครั้งการทำแคมเปญในมุมของการตลาด เราก็ไม่ได้มีเพียงแคมเปญเดียว เพราะฉะนั้นตรงส่วนนี้จำเป็นต้องระบุว่า ลิงก์นี้คุณจะนำไปในชใช้ในแคมเปญอะไร เช่น Pro12-12 เป็นต้น

4. Campaign Term (utm_term): ตรงนี้ใช้สำหรับในกรณีที่คุณซื้อโฆษณาแบบ Google Search เอาไว้กรอกว่า ลิงก์นี้สำหรับ Keyword คำว่าอะไร ซึ่งจริงๆ ในส่วนนี้หลายธุรกิจไม่ได้ค่อยนิยมใช้กัน

5. Campaign Content (utm_content): คือส่วนที่ลงรายละเอียดดีเทลลงไปอีก สมมติคุณต้องการทด A/B Testing องค์ประกอบของโฆษณาไม่ว่าจะเป็น Campaign, Artwork, Optimize และ UTM Link ที่ใช้ทุกอย่างเหมือนกันหมด ต่างกันเพียงแค่กลุ่มเป้าหมาย คุณสามารถกรอกชื่อกลุ่มเป้าหมายเพิ่มเติมลงไปได้ แต่ทั้งนี้โดยปกติหลายธุรกิจก็มักจะนำไปใส่พ่วงกับ Medium แล้วเพราะดูง่าย เข้าเมนูเดียวแล้วรู้เรื่องเลย

ตัวอย่าง UTM Link #1: https://academy.realsmart.co.th/?utm_source=FBAds&utm_medium=Singleimage-CourseA&utm_campaign=Pro-NewYear
ตัวอย่าง UTM Link #2: https://academy.realsmart.co.th/?utm_source=Google&utm_medium=Search-Brand&utm_campaign=Pro-NewYear

Note:

1. จะสังเกตได้ว่าตรง Medium หลังจากที่บอกแล้วว่า ใช้ลิงก์กับสื่อรูปแบบไหน คุณสามารถพ่วงต่อท้ายต่อได้ว่าเป็นภาพ หรือวิดีโอที่เกี่ยวกับอะไร เพื่อที่เวลาคุณกลับมาดูคุณจะได้นึกว่าเป็น Banner หรือ Artwork ไหน

2. การเขียนไม่ตายตัว การยกตัวอย่างเป็นเพียงแค่การไกด์เบื้องต้น คุณสามารถใส่คำ หรือ note พ่วงต่อท้ายเพื่อความเข้าใจกันภายในบริษัทได้ตามความเหมาะสมเลยค่ะ

*3. คุณไม่จำเป็นต้องใส่ครบทั้ง 5 องค์ประกอบ ในระบบการสร้าง UTM Link ระบบจะแจ้งว่าสิ่งที่จำเป็นที่จะต้องกรอกมีเพียง 3 สิ่งเท่านั้น ได้แก่ Source, Medium แบะ Campaign

สำหรับวิธีการดู UTM Link ที่ถูกใช้ไปแล้ว เราจะสามารถดูได้จากเครื่อง Google Analytics ค่ะโดย source และ medium จะดูได้จากเมนู Acquisition > All Traffic > Source/Medium และดู Campaign Name ที่เราตั้งค่าไว้ได้จากเมนู Acquisition > Campaign > All Campaign 

สุดท้าย ใครมีเว็บไซต์แล้ว และกำลังจะมีแผนซื้อโฆษณาลองนำวิธีการสร้าง UTM Link ไปใช้กันดูนะคะ