0

จากงาน Routine ที่เคยใช้เวลาทำทั้งวัน ตอนนี้ใช้เวลาไม่กี่นาที เพราะเราใช้สิ่งนี้

31 สิงหาคม 2025

คุณเคยมีความคิดแบบนี้ไหม? “ทำไมทีมใช้เวลาทำงานนี้นานจังเลย”, “ทำไมงานง่ายๆ ทีมถึงบ่นว่าไม่อยากทำ”, “งาน Routine เท่าเดิม แต่ทำไมได้ประสิทธิภาพน้อยลงทุกวัน”, “ทำไมเจอน้องคนนี้ทีไร เขาก็นั่งทำหน้าเบื่อๆ เปิด Excel ทั้งวัน… (ชนิดที่ว่าคุยกับ Excel มากกว่าคุณซะอีก 😂)”

แล้วถ้ามองดีๆ จะเห็นว่าเวลาส่วนใหญ่ไม่ได้หมดไปกับงานใหญ่ๆ แต่กลับจมหายไปกับงานเล็กๆ ซ้ำๆ อย่าง กรอกข้อมูล ทำรายงาน ส่งอีเมล ตอบลูกค้า หรือจัดการเอกสารที่รวมกันแล้วหายไปทั้งวันแบบไม่รู้ตัว

คิดตามเล่นๆว่า ถ้าน้องเอ (นามสมมติ) เงินเดือน 15,000 บาท หนึ่งวันต้องตอบคำถามลูกค้า “ราคาเท่าไหร่คะ” ซ้ำ 120 ครั้ง (ครั้งละ 1 นาที) พอมาลอง บวก ลบ คูณ หาร แค่คำถามซ้ำๆ เรื่องเดียว ก็กลืนเวลาไปกว่า 730 ชั่วโมงต่อปีเลยทีเดียว…

ลองคิดดูว่าถ้ามีหุ่นยนต์ซักตัวมาช่วยทำตรงนี้แทน องค์กรจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง

  1. ประหยัดเวลา 730 ชั่วโมงต่อปี
  2. น้องเอ ได้ไปทำอย่างอื่นที่สำคัญกว่า และได้กลับบ้านไปบอกแม่ว่า “วันนี้ทำโปรเจคใหญ่” แทนการบอกว่า “วันนี้นั่ง Copy and paste บอกราคาลูกค้าทั้งวัน”

ปัจจุบันมีหุ่นยนต์ตัวนั้นที่ทำงานแทนน้องน้องเอได้ทั้งวันทั้งคืนแล้ว สิ่งนั้นเรียกว่า “AI Automation”

AI Automation คือเครื่องมือที่จะช่วยเปลี่ยนงาน Routine ให้ทำเองได้โดยอัตโนมัติ ตอนนี้องค์กรชั้นนำจำนวนมากกำลังนำมาใช้เพื่อลดต้นทุน เพิ่มความเร็ว และยกระดับมาตรฐานการทำงาน เพราะปัจจุบันองค์กรไหนที่ “ใช้เวลาได้คุ้มค่ากว่า” ก็มีโอกาสจะเติบโตได้เร็วกว่า… AI Automation จึงกำลังกลายเป็นหัวใจของการทำทรานฟอร์เมชั่น (AI Transformation)

ถ้ายังไม่เริ่มใช้ AI Automation ตอนนี้ ก็เหมือนคุณเอารถยนต์สันดาปไปแข่งออกตัวกับรถยนต์ไฟฟ้า (เขาออกตัวเร็วกว่า) และถ้าเริ่มใช้แล้วแต่ไม่ศึกษาต่อ ก็เหมือนคุณใช้ Iphone ที่ไม่ Update IOS (คุณอาจยังใช้ได้ แต่พอเวลาผ่านไป เริ่มไม่รองรับฟีเจอร์ใหม่ที่คนอื่นใช้ได้ สุดท้ายคุณจะตกขบวน)

แล้ว AI Automation คืออะไร?

ลองนึกภาพโรงงานที่มี สายพานการผลิต เมื่อวัตถุดิบถูกวางลงบนสายพาน มันจะถูกส่งต่อไปยังแต่ละจุดโดยอัตโนมัติ คนงานไม่ต้องเดินยกไปเองทุกขั้นตอน ทุกอย่างไหลไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นสินค้าสำเร็จรูป

AI Automation ก็ทำงานแบบเดียวกัน เพราะมันคือ AI + Automation

  • AI = คนงานที่มี “สมอง” คอยคิด วิเคราะห์ ตัดสินใจระหว่างทาง
  • Automation = สายพาน ที่ช่วย “ส่งต่อ” งานจากแอปหนึ่งไปอีกแอปหนึ่งอัตโนมัติ เช่น จาก Inbox → Google Sheet → CRM → Email

ตัวอย่างเช่น กรณีน้องเอ ที่ต้องนั่งตอบคำถาม “ราคาเท่าไหร่คะ” ซ้ำๆ วันละร้อยครั้ง AI Automation จะมาช่วยทำงานแบบนี้

  1. ลูกค้า ส่งข้อความมาทาง LINE OA หรือ Facebook Inbox
  2. Automation จะดึงข้อความนี้ส่งต่อไปให้ AI
  3. AI จะอ่านข้อความ เข้าใจว่าเป็นการถามราคา และสร้างคำตอบขึ้นมา
  4. Automation จะนำคำตอบนั้นส่งกลับหาลูกค้าแบบอัตโนมัติ

ผลลัพธ์คือ ลูกค้าได้รับคำตอบทันที (โดยไม่ต้องรอคนมาตอบ) และน้องเอ ได้เวลาคืนมา ก็สามารถเอาไปใช้กับงานที่มีคุณค่ากว่า เช่น ปิดการขาย ดูแลลูกค้าเชิงลึก หรือสร้างกลยุทธ์ใหม่ให้ธุรกิจ

ดังนั้น AI Automation = ระบบที่ทั้ง “คิดเองได้” และ “ทำงานแทนได้” แบบ end-to-end โดยมีจุดแข็งคือสามารถเชื่อมแอปที่ใช้ทุกวัน (เช่น Inbox, Google Sheet, CRM, Email) ให้ทำงานเป็นสายพานเดียวกันอย่างอัตโนมัติ

มาถึงตอนนี้คุณคงจะมีคำถาม แล้วจะเริ่มใช้ AI Automation ยังไงล่ะ?

บอกเลยว่า AI Automation ไม่ได้เป็นของไกลตัวอย่างที่คิด “ไม่ต้องเป็น Programmer” และ “ไม่จำเป็นต้องเขียน Code” สำหรับคนที่ไม่มีความรู้เรื่องนี้มาเลย รับประกันว่าศึกษาแค่ 1 เดือนก็ใช้งานจริงได้แล้ว

ปัจจุบันมี แพลตฟอร์ม Automation มากมายที่ทำหน้าที่เหมือน “สายพาน” คอยรับงานจากแอปหนึ่งแล้วส่งต่อไปอีกแอปหนึ่ง เช่น Make, Zapier, Power Automate หรือ n8n ซึ่งเป็นเครื่องมือที่คนทั่วไปก็เริ่มได้ง่ายๆ

ก่อนจะไปเลือกว่าจะใช้แพลตฟอร์มไหน สิ่งสำคัญกว่าคือการหางานที่เหมาะสมจะ Automate ให้ได้เสียก่อน

  • แยก Task ออกจาก Job ก่อน
    หลายคนพลาดตรงนี้ — มองงานเป็นก้อนใหญ่เกินไป เช่น “งาน Admin” หรือ “งาน Sale” จริงๆ แล้วสิ่งที่ควรทำคือแยก Job ออกมาเป็น Task เล็กๆ (ขั้นตอนย่อยๆ) เพราะ Automation จะทำงานได้ดีที่สุดกับ Task ที่ชัดเจนและซ้ำๆ
  • ดูว่า Task ไหนเข้าข่ายคุณสมบัติ 3 ข้อ
    เมื่อแยกเป็น Task แล้ว ให้คัดกรองว่า Task นั้น “เหมาะจะ Automate” หรือไม่ โดยใช้เกณฑ์ 3 ข้อ:
    • 🔁 ซ้ำเดิมทุกครั้ง เช่น กรอกข้อมูลลูกค้าลง Google Sheet
    • ⏱  เกิดขึ้นบ่อย แม้เล็กน้อยแต่รวมกันเสียเวลาเยอะ เช่น ตอบลูกค้าเรื่องราคาในแชททุกวัน
    • 📋 มีกติกาหรือโครงชัดเจน เช่น รับ Topic → Research → เขียน Content → ส่งต่อ

ถ้า Task ของคุณเข้าข่ายข้อใดข้อหนึ่ง (หรือหลายข้อ) นั่นแหละคือ Candidate ที่ควรเอามา Automate

ตัวอย่างจริง: RealSmart ใช้ AI Automation ลดเวลาทำงานกว่า 90%

ที่บอกว่า จากงาน Routine ที่เคยใช้เวลาทำทั้งวัน ตอนนี้ใช้เวลาไม่กี่นาที ก็คือพูดเรื่องจริง เพราะเราเคยทำมาแล้วด้วยการใช้ AI Automation

ก่อนหน้านี้เราต้องทำสรุปข้อมูลรายงานจากไฟล์ Excel เพื่อนำไปอัปเดตลูกค้าในไลน์กลุ่มทุกวัน ขั้นตอนก็วนลูปเดิมทุกครั้ง: เปิดตาราง → อ่านข้อมูล → ตรวจข้อมูล → เขียนสรุป → คัดลอกข้อความ → ส่งในไลน์
ใช้เวลารวมแล้วกว่า 20 นาทีต่อครั้ง และทำทุกวันก็เปลืองชั่วโมงทำงานมหาศาล

แต่พอเปลี่ยนมาใช้ Automation + Chatbot ขั้นตอนทั้งหมดถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติ:

ผลลัพธ์คือ เวลาทำงานจาก 20 นาที เหลือแค่ 1 นาที หรือลดลงมากกว่า 90%

สรุป: AI Automation ต้องเริ่มแล้ว — ยิ่งเริ่มเร็ว ยิ่งได้เปรียบ

เริ่มศึกษาและใช้ AI Automation ตอนนี้ยังไม่สายไป ตอนนี้ให้คุณลองสังเกตดูก่อนว่างานไหนที่เหมาะจะ Automate โดยเริ่มมองจาก งานซ้ำๆ 🔁, ใช้เวลามาก ⏱, หรือมีโครงสร้างชัดเจน 📋ถ้ามีงานแบบนี้อยู่ แสดงว่าคุณต้องเริ่มใช้ AI Automation ดูแล้วล่ะ

ถ้าคุณอ่านมาถึงตรงนี้ แสดงว่าคุณเริ่มสนใจจะพา AI Automation เข้ามาในองค์กรแล้ว 🎯
ติดตาม RealSmart Academy ไว้เลย! เราจะอัปเดตเนื้อหาเกี่ยวกับ AI และ Automation อยู่เรื่อยๆ

หรือถ้าคุณอยากเรียนรู้แบบเข้มข้น ลงมือทำจริง มีที่ปรึกษาช่วยทุกขั้นตอน เรามีคอร์สสัมนาสด Real AI Leader คอร์สนี้ออกแบบมาเพื่อ เจ้าของธุรกิจและผู้บริหาร ที่อยากนำ AI + Automation มาใช้กับทีมจริง ไม่ได้มีแค่ทฤษฎี แต่ได้ Workshop จับมือทำ ตั้งแต่ 0

ลงทะเบียนเรียน Real AI Leader : คลิกที่นี่