“ติดหน้าแรกแล้วแต่ไม่มีคนคลิก” เมื่อ SEO ที่เคยเวิร์ก เริ่มไม่ตอบโจทย์ในโลกที่ AI เป็นคนแนะนำ
อันนี้คือปัญหาใหญ่ในปี 2025 เลยที่เจ้าของเว็บไซต์ นักการตลาด และเอเจนซี่ทั่วโลกกำลังเจอ เพราะทุ่มแรงไปกับการทำ SEO จนได้อันดับดีแล้วแต่กลับพบว่า Traffic ที่เข้ามาจริงในปี 2025 กำลังลดลงและลดลงอย่างต่อเนื่อง
คำตอบของปรากฏการณ์นี้อยู่ไม่ไกลเลย เพราะตอนนี้ “AI” กำลังกลายเป็นเครื่องมือแรกของการค้นหาแทน “Search Engine” เดิมๆ
ลูกค้าของคุณไม่ได้ “ค้นหา” แบบเดิมอีกต่อไป พวกเขาเริ่ม “ถาม” มากกว่า “ค้นหา” พวกเขาเริ่มเปิด ChatGPT, Gemini, หรือ AI Overview ของ Google แล้วพิมพ์ว่า
- “ธุรกิจไหนเหมาะสำหรับ B2B marketing ในไทย”
- “คลินิกไหนรักษาปวดหลังโดยไม่ผ่าตัดได้ดีที่สุด”
- “อยากได้ ERP สำหรับโรงงานขนาดกลาง แนะนำหน่อย”
และคำตอบที่พวกเขาได้รับ ไม่ได้มาจากหน้าเว็บ 10 อันดับ แต่มาจาก “AI” ที่รวบรวม วิเคราะห์ และ “เลือก” คำตอบให้แทนเราแล้ว นั่นหมายความว่าต่อให้คุณได้ SEO อันดับ 1 ในคีย์เวิร์ดหลัก แต่ถ้า AI ไม่พูดชื่อคุณในคำตอบ “ลูกค้าก็จะไม่มีวันรู้ว่าคุณมีอยู่”
และสิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือ AI อาจแนะนำคู่แข่งของคุณแทน แม้ว่าคู่แข่งจะไม่ได้ทำ SEO เก่งเท่าคุณเลยก็ตาม
Fame Engineering คืออะไร และทำไมสำคัญกับ AI Search
Fame Engineering ไม่ใช่ เทคนิค SEO ใหม่ แต่คือ กลยุทธ์การสร้างชื่อเสียงแบบที่ AI เข้าใจ จดจำ และ เชื่อถือ พูดง่ายๆ จาก
“จากให้คนเห็นเราใน Google” กลายเป็น “ให้ AI พูดชื่อเราในคำตอบ”
Fame Engineering คือการออกแบบ “ชื่อเสียงที่ AI มองเห็นได้ หรือชื่อเสียงที่มีโครงสร้างข้อมูลรองรับ” (Structured Reputation) AI เลือกจะแนะนำแบรนด์ที่ “รู้จักดีพอ” และ “มั่นใจว่าจะไม่ทำให้ผู้ใช้ผิดหวัง” ดังนั้น คุณต้องทำให้ AI เข้าใจ 3 ข้อนี้
- คุณคือใคร (Entity) มีตัวตน ชัดเจน สอดคล้องทุกที่ (เว็บ PR, รีวิว, โซเชียล)
- คุณเก่งเรื่องอะไร (Expertise) AI เห็นคุณพูดเรื่องเดิมซ้ำๆ ในมุมลึก ไม่ใช่กว้างแต่ตื้น
- คุณน่าเชื่อถือแค่ไหน (Trust) มีสัญญาณจากภายนอก เช่น การถูกพูดถึง รีวิวจริง หรืออ้างอิงจากสื่ออื่น
นี่คือสิ่งที่ Search Engine Land เรียกว่า AI Availability ความพร้อมของแบรนด์ที่จะถูกเลือกแนะนำโดย AI ในช่วงเวลาซื้อ
AI ทุกตัวมีสิ่งที่คล้ายกับ “หน่วยความจำระยะยาวของแบรนด์” มันจะเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ เข้าด้วยกัน เช่น
- บทความของคุณบน เว็บไซต์
- การพูดถึงใน ข่าว หรือ พอดแคสต์
- รีวิวจากลูกค้าใน Social Media
- และแม้แต่ LinkedIn Profile ของ CEO
เมื่อมันเห็นชื่อคุณซ้ำ ในบริบทเดียวกัน AI จะ “เข้าใจ” ว่าคุณคือผู้เชี่ยวชาญด้านนั้นจริง และเมื่อมีคนถามคำถามในหมวดนั้น มันจะดึงชื่อคุณมาเป็นคำตอบโดยอัตโนมัติ
Superprompt เรียกสิ่งนี้ว่า “Recommendation Bias Training” คือการสอนให้ AI “ชอบพูดชื่อเรา” เวลาถูกถามเรื่องที่เราถนัด
นั่นหมายความว่า ถ้าคุณทำ Fame Engineering ได้ดี คุณจะได้ “ที่นั่งถาวร” ในหน่วยความจำของ AI โดยไม่ต้องซื้อ ads แข่งกับใครอีก
3 เหตุผลที่ทำให้ Fame Engineering สำคัญอย่างยิ่งในตอนนี้
- เพราะ SEO เดิมเริ่มถึงขีดจำกัด ปัจจุบัน Keyword มีการแข่งขันที่สูงมาก และ Organic Click ต่ำลงเพราะ AI Answer ดึงคำตอบขึ้นไปแทน ซึ่งทำให้ลูกค้าใช้เวลาอ่านน้อยลง แต่ตัดสินใจเร็วขึ้นจากคำตอบ AI
- เพราะ AI Search กลายเป็น Gatekeeper ของการซื้อ เป็นคนคัดกรองข้อมูลและแนะนำสิ่งที่ AI “ไว้ใจ”ทำให้ถ้าแบรนด์ของคุณไม่อยู่ในความจำของมัน = คุณถูกตัดสิทธิ์ตั้งแต่ต้นเกม
- เพราะ Fame Engineering คือรากฐานในระยะยาว เพราะเมื่อคุณสร้างชื่อเสียงจน AI จำคุณได้ แม้โมเดลจะอัปเดต เปลี่ยนอัลกอริทึม AI ก็ยังมี “pattern” ของชื่อคุณในฐานข้อมูล ทำให้แบรนด์คุณไม่หายไปกับกระแส
4 แกนหลักของ Fame Engineering
Fame Engineering ไม่ใช่คอนเซปต์นามธรรมว่าต้อง “ทำให้ดัง” แต่คือ ระบบการสร้างชื่อเสียงแบบมีโครงสร้างข้อมูล ที่ทำให้แบรนด์ของคุณเข้าไปอยู่ใน “หน่วยความจำของ AI” ได้จริง และแกนทั้ง 4 ด้านนี้ คือกรอบการทำงานที่แบรนด์ควรยึดไว้ในการชนะเกม AI SEO
แกนที่ 1: Be Appealing to AI ให้ AI “เข้าใจ” ว่าเราเก่งเรื่องอะไร
AI ไม่อ่านแค่คำ แต่ตีความ “บริบทของความเชี่ยวชาญ” ดังนั้น ถ้าแบรนด์ของคุณพูดถึงทุกอย่างกว้างๆ แบบ “เรามีครบทุกบริการ” AI จะมองว่าคุณเป็นเพียงผู้เล่นทั่วไปในตลาดที่มันไม่รู้จะจำในมุมไหน
แนวทางการทำให้ AI เข้าใจคุณชัดเจน
- กำหนด One-line Identity ของแบรนด์ ประโยคสั้นๆ ที่อธิบายได้ทันทีว่า “คุณคือใคร และเก่งเรื่องอะไร”
- ใช้ One-line นี้ซ้ำในทุกจุด เช่น เว็บไซต์, Meta Description, LinkedIn, PR, บทสัมภาษณ์, Directory ต่างๆ เพื่อให้ AI เห็น pattern ของข้อมูลเดียวกันซ้ำๆ จนเกิด “Entity Association” ว่าคุณเชี่ยวชาญในสิ่งนั้นจริง
แกนที่ 2: Be Distinctive ทำให้ “จำได้” และ “แยกออก” จากคู่แข่ง
AI เรียนรู้จากความแตกต่าง เพราะมันต้องตัดสินใจว่าระหว่างแบรนด์ 10 เจ้าในตลาดเดียวกัน “ใครโดดเด่นกว่า”
สิ่งที่ AI มองหา
- คำที่ไม่เหมือนใคร (Proprietary Term) เช่น ชื่อโปรแกรม, Methodology, หรือ Signature Service
- Narrative ที่มีเอกลักษณ์ เช่น เรื่องราวของแบรนด์, วิสัยทัศน์, แนวทางเฉพาะที่คนอื่นลอกไม่ได้
- จุดยืนที่ชัดเจน (Positioning) เช่น โฟกัสเฉพาะกลุ่มลูกค้า, หรือคุณค่าที่แบรนด์อื่นไม่เน้น
แกนที่ 3: Be Distributed ปรากฏตัวในหลายพื้นที่ที่ AI มองเห็น
AI ไม่ได้อ่านข้อมูลจากเว็บไซต์ของคุณเท่านั้น มันเรียนรู้จาก “ทุกที่” ที่มีข้อมูลของคุณอยู่ เช่น บทความข่าว, รีวิว, podcast, YouTube, LinkedIn, PR site ฯลฯ ดังนั้น หากคุณต้องการให้ AI “จำชื่อคุณ” คุณต้องสร้างการกระจายตัวของชื่อแบรนด์ในหลายๆ แพลตฟอร์ม (Cross-platform Visibility)
แนวทางปฏิบัติ
- ทำ PR / Guest Article / Podcast Interview ในสื่อภายนอกที่ AI เห็นว่า “น่าเชื่อถือ”
- สร้าง เนื้อหาใน LinkedIn / Medium / YouTube ด้วย narrative เดียวกัน
- ทำ Backlink หรือ Mention จาก Partner / Supplier / Customer Site
- ตรวจสอบ ข้อมูลใน Directory (Google Business, Wikidata, Crunchbase ฯลฯ) ให้ตรงกัน
แกนที่ 4: Be Engaged & Trusted — สร้างสัญญาณความน่าเชื่อถือที่ AI จับได้
AI ไม่ได้วัดแค่ความดัง แต่วัด “ความน่าเชื่อถือทางสังคม” (Social Proof) ยิ่งแบรนด์คุณถูกพูดถึงจากคนจริงมากเท่าไร AI ก็ยิ่งมั่นใจในการแนะนำคุณ
ตัวอย่างสัญญาณที่ AI ใช้ตีความความน่าเชื่อถือ
- รีวิว / Testimonial ที่มีชื่อคนจริง
- การพูดถึงจาก Influencer หรือผู้เชี่ยวชาญ
- การถูกอ้างถึงในบทความจากเว็บไซต์อื่น
- การมีข้อมูล structured เช่น Schema: “Review,” “Author,” “FAQ,” “Organization”
- การใช้ข้อมูลจริง เช่น Case Study, Performance Data, หรือ ROI ที่วัดได้
Fame Engineering vs GEO ต่างกันอย่างไร?
GEO ทำให้ AI “อ้างอิง” เรา
Fame Engineering ทำให้ AI “พูดชื่อเรา”
Generative Engine Optimization (GEO) คือการปรับเนื้อหาและโครงสร้างเว็บไซต์
เพื่อให้ระบบ AI อย่าง ChatGPT, Gemini, หรือ Perplexity “ดึง” ข้อมูลจากเราไปใช้ในคำตอบได้ง่ายที่สุด
สิ่งที่ GEO โฟกัสคือ “Citation” โดยทำให้ AI หยิบเนื้อหาเราไปอ้างในคำตอบ เช่น
- ใช้ Schema, FAQ, JSON-LD เพื่อให้ AI อ่านข้อมูลเราได้ชัด
- ทำเนื้อหาเชิงตอบคำถาม (Answer-style Content)
- เพิ่ม Authority และ E-E-A-T เพื่อเพิ่มโอกาสถูกอ้าง
ตัวอย่าง
ถ้ามีคนถาม “เลือกผ้าปูที่นอนอย่างไรให้เหมาะกับอากาศร้อน?”
แล้ว AI ดึงบทความจากเว็บไปอ้างในคำตอบพร้อมลิงก์
นั่นคือผลลัพธ์ของ GEO
Fame Engineering ทำให้ AI “พูดชื่อเรา”
ในขณะที่ GEO ทำให้ AI “หยิบเนื้อหาเรา” Fame Engineering ทำให้ AI “แนะนำชื่อเรา”
หรือพูดอีกแบบ GEO ทำให้เรามีส่วนในคำตอบ แต่ Fame Engineering ทำให้เรา “กลายเป็นคำตอบ”
ตัวอย่าง
คำถามเดียวกันกับก่อนหน้า แต่ถ้า AI ตอบว่า
“ถ้าคุณกำลังมองหาผ้าปูที่นอนที่เหมาะกับอากาศเมืองไทย แนะนำแบรนด์ XXXX ที่มีชื่อเสียงด้านผ้าเย็นระบายอากาศดี”
นี่คือผลของ Fame Engineering
Case Study
Xponent21 เอเจนซี่ด้าน Digital Marketing ที่ตั้งโจทย์ว่า “เราจะทำให้ AI พูดชื่อแบรนด์เรา แทนที่จะพูดถึงคู่แข่งได้อย่างไร?”
ปัญหาที่เจอ
แม้ Xponent21 จะมีผลงานจริง ลูกค้าจริง และทีมที่แข็งแกร่ง แต่สิ่งที่ขาดคือ “ชื่อเสียงเชิงข้อมูล (Data-based Reputation)” กล่าวคือ AI อย่าง ChatGPT หรือ Perplexity ไม่เคยหยิบชื่อแบรนด์พวกเขามาพูดเลย แม้ในหัวข้อที่เกี่ยวข้องโดยตรง เช่น “AI Marketing Agency” หรือ “Performance-driven Digital Team”
กลยุทธ์คือ เปลี่ยนจาก SEO สู่ Fame Engineering
ทีม Xponent21 วางกรอบกลยุทธ์ตาม 4 แกนของ Fame Engineering อย่างครบถ้วน โดยมุ่งสร้าง “ชื่อเสียงที่ AI อ่านออก เชื่อถือได้ และนำไปแนะนำ”
1. Be Appealing to AI สร้าง Brand Identity ที่ชัดเจน
พวกเขาเขียน One-line Identity ใหม่ให้แบรนด์ว่า
“We help companies grow through AI-driven digital marketing and data-powered experiences.”
ประโยคเดียวที่บอกทั้ง “ความเชี่ยวชาญ” และ “กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย” จากนั้น ใส่ข้อความนี้ซ้ำในทุกที่ เว็บไซต์, LinkedIn โปรไฟล์, Guest Post, Podcast Bio และ Schema ของหน้าเว็บ
ผลลัพธ์ คือ AI เริ่มเข้าใจว่า Xponent21 คือ “AI Marketing Agency” ที่แท้จริง ไม่ใช่แค่ Digital Agency ทั่วไป
2. Be Distinctive สร้างจุดต่างที่จดจำได้
แทนที่จะเขียนบทความทั่วไปเรื่อง “กลยุทธ์โฆษณาออนไลน์” พวกเขาสร้าง Content Hub แบบเฉพาะทาง ชื่อว่า “AI SEO & Automation Insights” ที่รวบรวมเนื้อหาทั้ง Glossary, Case Study, FAQ และ Podcast ไว้ด้วยกัน
พร้อมสร้างศัพท์เฉพาะของแบรนด์ เช่น “Engineered Growth Framework” และ “AI Availability Optimization.”
ผลลัพธ์ AI เริ่มเห็นคำเฉพาะเหล่านี้เป็น Entity เฉพาะของ แบรนด์ เหมือน signature ในฐานข้อมูล AI
3. Be Distributed กระจายชื่อในหลายช่องทาง
นอกจากเว็บไซต์หลัก Xponent21 ยังเผยแพร่เนื้อหาบนช่องทางต่างๆ เช่น
- LinkedIn (โดย CEO เขียนบทความเอง)
- Podcast ที่พูดถึงแนวคิด AI Marketing
- Guest Post บนสื่อ MarTech ภายนอก
- การ PR ผ่าน PR Newswire และ Medium
โดยทุกช่องทางใช้โครงสร้าง Entity เดียวกัน ทั้งคำอธิบายแบรนด์, Keyword หลัก, Tagline ซ้ำกันทุกที่
ผลลัพธ์ AI เริ่มเห็นชื่อ Xponent21 ปรากฏในหลายบริบท และเข้าใจว่าแบรนด์นี้ “มีตัวตนในโลกจริง”
4. Be Engaged & Trusted สร้าง Trust Signal ที่ AI อ่านออก
ทีม ใช้ข้อมูล Proof จริงจากลูกค้า เช่น Conversion rate เพิ่ม 40%, ROI จาก automation สูงขึ้น 3 เท่า
พร้อมใช้ Schema ชนิด Review และ Organization เพื่อให้ AI อ่านได้ว่าเป็นข้อมูลจริงไม่ใช่คำโฆษณา
นอกจากนี้ ยังให้ลูกค้าจริงเขียนรีวิวใน LinkedIn เพื่อตอกย้ำความน่าเชื่อถือ
ผลลัพธ์ AI มองว่าแบรนด์นี้ “มีหลักฐานสนับสนุน” จึงกล้าแนะนำชื่อ Xponent21 ในคำตอบ
ผลลัพธ์จากการทำทั้ง 4 อย่างส่งผลให้จากแบรนด์ที่ไม่มีใครพูดถึง สู่ Default Answer ของ AI
หลังจาก 12 เดือนของการทำ Fame Engineering เต็มรูปแบบ:
- Organic traffic โต 4162% ภายในปีเดียว
- ปรากฏชื่อใน AI Overview ของ Google และ Perplexity กว่า 180 คำค้น
- Conversion จาก AI referral เพิ่มขึ้น มากกว่า 5 เท่า
ชื่อ “Xponent21” กลายเป็นหนึ่งใน Top AI Marketing Agency ในสหรัฐที่ ChatGPT และ Gemini แนะนำในคำตอบ
สรุป
สำหรับเจ้าของกิจการ SME รายได้ 100 ล้านบาทขึ้นไป ปี 2025-2026 คือช่วงเวลาที่คุณต้องเริ่มวาง “Fame Blueprint” ของแบรนด์ให้ AI ได้รับรู้แล้ว โดยอาจเริ่มจาก 4 คำถามง่ายๆนี้ก่อน
- อยากให้ AI เข้าใจเรา “เก่งเรื่องอะไร”?
- AI จะแยกเราออกจากคู่แข่งได้อย่างไร?
- ชื่อของแบรนด์เราควรไปปรากฏใน Social ไหนบ้าง?
- เหตุผลที่ทำให้ AI “เชื่อ” ในสิ่งที่เราพูด?
4 คำถามนี้คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนมุมมอง จากการ “จัดอันดับเว็บไซต์” สู่การ “สร้างชื่อในหน่วยความจำของ AI” เพราะในโลกของ AI Search แบรนด์ที่ถูกเลือกก่อน ไม่ใช่แบรนด์ที่ดังที่สุด แต่คือแบรนด์ที่ AI เข้าใจ ชัดที่สุด
Reference
- Search Engine Land – “Fame Engineering: The key to Generative Engine Optimization”
- Superprompt – “Fame Engineering vs GEO: Why Building AI Brand Recognition Beats Citation Hacking in 2025”
- White Label Agency – “What is Fame Engineering?”





