0

ธุรกิจแบบคุณควรใช้เครื่องมือไหน SEO, AEO หรือ GEO?

8 กันยายน 2025

หา

หากคุณเป็นเจ้าของ SME ที่มีรายได้ต่อปีอยู่ราว 100 ล้านบาท คุณน่าจะอยู่ในจุดที่ธุรกิจเริ่ม “เติบโต” และกำลังคิดถึง “การสร้างแบรนด์ระยะยาว” มากกว่าการทำยอดขายแบบวันต่อวัน การตลาดออนไลน์จึงไม่ใช่เรื่องเสริมอีกต่อไป แต่เป็นหัวใจสำคัญในการแข่งขัน

ที่ผ่านมา หลายธุรกิจมักพึ่งพา SEO แบบดั้งเดิม การเลือกคีย์เวิร์ดที่ใช่ การทำคอนเทนต์ให้ติดหน้าแรกบน Google Search แต่ในช่วง 2–3 ปีหลังมานี้ พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขาไม่ได้อยากไล่คลิกทีละเว็บไซต์เพื่อหาคำตอบเหมือนเดิม แต่หันมาใช้ AI Search เช่น Google AI Overview, ChatGPT แทน

ทำไม SEO แบบเดิมอาจไม่พออีกต่อไป?

นั่นหมายความว่า ต่อให้คุณทำ SEO ได้ดี ติดอันดับหน้าแรก แต่ถ้า AI ไม่เลือกเว็บไซต์ของคุณ มาเป็นแหล่งข้อมูลในคำตอบ ลูกค้าก็อาจ “มองไม่เห็นแบรนด์” ของคุณเลยตั้งแต่ต้นทาง ปัญหานี้กำลังกลายเป็นโจทย์ใหม่ที่เจ้าของธุรกิจ ซึ่งต้องตอบให้ได้ว่าจะทำยังไงให้แบรนด์ของคุณถูก AI เลือก ไม่ใช่คู่แข่ง?

สำหรับเจ้าของ SME ที่รายได้แตะ 100 ล้านบาทต่อปี นี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญ SEO แบบเดิมยังจำเป็น แต่ ไม่เพียงพออีกต่อไป หากคุณต้องการให้แบรนด์ยังคงมีตัวตนในยุคที่ลูกค้าฟังคำตอบจาก AI ก่อนตัดสินใจซื้อหรือใช้บริการ

AEO และ GEO: คำตอบใหม่ในยุค AI

เมื่อโลกกำลังขยับเข้าสู่ ยุค AI Search เครื่องมือใหม่ที่ต้องรู้จักก็คือ AEO หรือ Answer Engine Optimization แทนที่เราจะเขียนคอนเทนต์แค่ให้คนอ่าน แต่ AEO คือการทำคอนเทนต์ให้ “AI อ่านและนำไปเล่าต่อได้ง่าย” ตัวอย่างเช่น การทำ FAQ ที่ตอบตรงประเด็น, การใส่โครงสร้างข้อมูลแบบ Schema (โค้ดโครงสร้างข้อมูล, หรือการใช้ภาษาที่เป็นธรรมชาติเหมือนการสนทนา วิธีนี้ทำให้แบรนด์ของคุณมีโอกาสถูกหยิบไปแสดงใน Featured Snippet, Voice Search หรือแม้แต่ AI Overview ที่ผู้บริโภคเห็นทันทีโดยไม่ต้องคลิกเข้าเว็บอื่น

และถัดจากนั้นคือ GEO หรือ Generative Engine Optimization ซึ่งถือเป็นขั้นต่อไปของ AEO หาก AEO เน้น “ตอบคำถามสั้น ๆ” GEO จะก้าวไปไกลกว่า เพราะเป้าหมายคือทำให้แบรนด์คุณถูกเลือกไปเป็น “ส่วนหนึ่ง” ของคำตอบที่ AI สร้างขึ้นใหม่ทั้งหมด เช่น เมื่อ Google AI Overview สรุปบทความหรือให้คำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุนหรือการเลือกคอนโด ระบบอาจเลือกข้อมูลจากแบรนด์คุณมาประกอบคำตอบ งานวิจัยยังระบุว่า การปรับกลยุทธ์ตามแนว GEO สามารถเพิ่มการมองเห็นในผลลัพธ์ของ AI ได้มากถึง 40% และนี่คือเหตุผลที่ธุรกิจชั้นนำเริ่มจับตามอง GEO อย่างจริงจัง

ธุรกิจแบบไหนควรใช้เครื่องมืออะไร SEO, AEO หรือ GEO?

ในยุคที่การค้นหาถูกขับเคลื่อนโดย AI การเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมไม่ใช่เรื่องของเทรนด์ แต่คือการวางกลยุทธ์เพื่อให้แบรนด์ ถูกมองเห็นและถูกต้องเลือกโดย AI

1. สินค้าซื้อซ้ำ ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น เครื่องใช้ในบ้าน, อาหารเสริม

เนื่องจากผู้บริโภคมักมีคำถามเดิม เช่น “วิตามินตัวไหนดีสำหรับผิวแพ้ง่าย?” หรือ “ผงซักฟอกประเภทไหนอ่อนโยนที่สุด?” การทำ AEO (Answer Engine Optimization) จะช่วยให้แบรนด์ของคุณปรากฏในคำตอบ ที่ AI แนะนำผู้ใช้บ่อยครั้ง ซึ่งช่วยสร้างการรับรู้ในใจลูกค้าอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ทำให้แบรนด์กลายเป็น “คำตอบแรกที่นึกถึง” เมื่อมีคนถาม

2. ธุรกิจที่ตลาดแข่งขันสูง เช่น อสังหาริมทรัพย์, การเงิน, สุขภาพ

กลุ่มธุรกิจเหล่านี้มีข้อจำกัดด้านการเข้าสู่ตลาด และลูกค้าใช้ค้นหาข้อมูลนานกว่าสินค้าปกติ (Research-Heavy Journey) ดังนั้น จึงควรใช้กลยุทธ์ SEO และ AEO ควบคู่กัน เพื่อรักษาการแสดงผลบน Search พร้อมสร้างโอกาสที่แบรนด์จะถูก AI ดึงไปใช้ แต่เพื่อไม่ให้ถูกคู่แข่งทิ้งในยุค AI ที่ขับเคลื่อนด้วยคำตอบ จึงควรเริ่มทดลองทำ GEO (Generative Engine Optimization) ควบคู่ไปด้วย เพื่อสร้างโอกาสให้แบรนด์ถูก AI ใช้ในคำตอบเชิงลึกของมัน

3. ธุรกิจที่จับกลุ่มคนรุ่นใหม่ เช่น Gen Z / Gen Y

การสำรวจพบว่า 2 ใน 3 ของ Gen Z ใช้งาน AI Chatbots เช่น ChatGPT ในการค้นหาและทำงานประจำวัน นั่นแปลว่าถ้าแบรนด์ของคุณยังใช้ SEO อย่างเดียวยิ่งเสี่ยงต่อการถูกละเลยในกลุ่มผู้บริโภคหลักที่เปลี่ยนการใช้พฤติกรรมค้นหาไปแล้ว ดังนั้นกลยุทธ์ GEO จึงควรเป็นหัวใจหลัก เพราะเป็นช่องทางที่ AI จะเอาคุณไปใส่ในคำตอบที่เล่าซ้ำต่อกัน ไม่ใช่แค่แหวกขึ้นอันดับแรก แต่คือ “ถูกพูดถึงและจดจำ” ทันที

Case Study ของบริษัท Broworks กับการทำ AEO

Broworks เป็นเอเจนซี่ที่เชี่ยวชาญด้าน SEO บน Webflow ทดลองปรับเว็บไซต์ของตัวเองด้วยแนวทาง Answer Engine Optimization (AEO) เพื่อดูผลลัพธ์จริง

  • สิ่งที่ทำ
    สิ่งที่ Broworks ทำนั้น คือปรับโครงสร้างเนื้อหาเว็บไซต์ใหม่ในหน้าลงทะเบียน โดยใช้ FAQ, Section ที่ตอบคำถามตรงประเด็น และใส่ Schema/Structured Data ให้ AI ดึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น เขียนคอนเทนต์ให้เหมือนการตอบคำถาม (Q&A) มากกว่าแค่บทความยาว
  • Result
    • 10% ของ Organic Traffic มาจาก LLMs (เช่น ChatGPT, Claude, Perplexity)
    • 27% ของ Traffic จาก LLMs ถูกแปลงเป็น Sales Qualified Leads (SQLs) ซึ่งหมายถึงกลายเป็นลูกค้าที่มีคุณภาพสูง
    • เวลาเฉลี่ยที่ผู้ใช้จาก LLM อยู่บนเว็บ สูงกว่า Google Organic Traffic ถึง ~30%
    • ผู้เข้าชมจาก AI Search มี Engagement ดีกว่า และมีแนวโน้มจะติดต่อทีมขายมากกว่า
  • Insight สำคัญ
    AEO ไม่ได้แค่ทำให้ “เว็บถูกมองเห็น” แต่ช่วยดึง ลูกค้าที่มีความสนใจจริง เข้ามา ซึ่งการปรับเว็บให้เป็นมิตรกับ AI Search เหมือนเปิดประตูใหม่สู่กลุ่มลูกค้าคุณภาพ โดยไม่ต้องแข่งอันดับบน Google เพียงอย่างเดียว

สรุปส่งท้าย

เมื่อมองภาพรวมทั้งหมด จะเห็นชัดว่า SEO, AEO และ GEO ไม่ใช่เครื่องมือที่เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่คือการต่อยอดและเสริมพลังซึ่งกันและกัน

  • SEO ยังเป็นรากฐานสำคัญที่ขาดไม่ได้
  • AEO คือก้าวต่อไปที่ทำให้แบรนด์ของคุณไม่ตกขบวน AI และปรากฏในคำตอบสั้น ๆ ที่ผู้บริโภคเห็นบ่อยครั้ง
  • GEO คือการลงทุนอนาคต ที่จะทำให้แบรนด์ของคุณถูกเลือกโดย AI ในคำตอบที่สร้างขึ้นมาใหม่ทั้งหมด

กรณีของ Broworks เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าเพียงแค่การปรับเนื้อหาให้เป็นมิตรกับ AI ก็สามารถสร้าง Traffic คุณภาพ และเปลี่ยนเป็นลูกค้าได้ทันที นี่จึงไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่คือโอกาสทางธุรกิจที่ SME รายได้ 100 ล้านบาทขึ้นไป ไม่ควรพลาด

สุดท้าย คำถามที่เจ้าของธุรกิจควรถามตัวเองคือ “ถ้า AI ต้องเลือกแบรนด์แนะนำให้ลูกค้า คุณอยากให้ AI เลือกแบรนด์ของคุณหรือไม่?”