คุณเคยมีความคิดแบบนี้ไหม? “ทำไมทีมใช้เวลาทำงานนี้นานจังเลย”, “ทำไมงานง่ายๆ ทีมถึงบ่นว่าไม่อยากทำ”, “งาน Routine เท่าเดิม แต่ทำไมได้ประสิทธิภาพน้อยลงทุกวัน”, “ทำไมเจอน้องคนนี้ทีไร เขาก็นั่งทำหน้าเบื่อๆ เปิด Excel ทั้งวัน… (ชนิดที่ว่าคุยกับ Excel มากกว่าคุณซะอีก 😂)”
แล้วถ้ามองดีๆ จะเห็นว่าเวลาส่วนใหญ่ไม่ได้หมดไปกับงานใหญ่ๆ แต่กลับจมหายไปกับงานเล็กๆ ซ้ำๆ อย่าง กรอกข้อมูล ทำรายงาน ส่งอีเมล ตอบลูกค้า หรือจัดการเอกสารที่รวมกันแล้วหายไปทั้งวันแบบไม่รู้ตัว
คิดตามเล่นๆว่า ถ้าน้องเอ (นามสมมติ) เงินเดือน 15,000 บาท หนึ่งวันต้องตอบคำถามลูกค้า “ราคาเท่าไหร่คะ” ซ้ำ 120 ครั้ง (ครั้งละ 1 นาที) พอมาลอง บวก ลบ คูณ หาร แค่คำถามซ้ำๆ เรื่องเดียว ก็กลืนเวลาไปกว่า 730 ชั่วโมงต่อปีเลยทีเดียว…
ลองคิดดูว่าถ้ามีหุ่นยนต์ซักตัวมาช่วยทำตรงนี้แทน องค์กรจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง
- ประหยัดเวลา 730 ชั่วโมงต่อปี
- น้องเอ ได้ไปทำอย่างอื่นที่สำคัญกว่า และได้กลับบ้านไปบอกแม่ว่า “วันนี้ทำโปรเจคใหญ่” แทนการบอกว่า “วันนี้นั่ง Copy and paste บอกราคาลูกค้าทั้งวัน”
ปัจจุบันมีหุ่นยนต์ตัวนั้นที่ทำงานแทนน้องน้องเอได้ทั้งวันทั้งคืนแล้ว สิ่งนั้นเรียกว่า “AI Automation”
AI Automation คือเครื่องมือที่จะช่วยเปลี่ยนงาน Routine ให้ทำเองได้โดยอัตโนมัติ ตอนนี้องค์กรชั้นนำจำนวนมากกำลังนำมาใช้เพื่อลดต้นทุน เพิ่มความเร็ว และยกระดับมาตรฐานการทำงาน เพราะปัจจุบันองค์กรไหนที่ “ใช้เวลาได้คุ้มค่ากว่า” ก็มีโอกาสจะเติบโตได้เร็วกว่า… AI Automation จึงกำลังกลายเป็นหัวใจของการทำทรานฟอร์เมชั่น (AI Transformation)
ถ้ายังไม่เริ่มใช้ AI Automation ตอนนี้ ก็เหมือนคุณเอารถยนต์สันดาปไปแข่งออกตัวกับรถยนต์ไฟฟ้า (เขาออกตัวเร็วกว่า) และถ้าเริ่มใช้แล้วแต่ไม่ศึกษาต่อ ก็เหมือนคุณใช้ Iphone ที่ไม่ Update IOS (คุณอาจยังใช้ได้ แต่พอเวลาผ่านไป เริ่มไม่รองรับฟีเจอร์ใหม่ที่คนอื่นใช้ได้ สุดท้ายคุณจะตกขบวน)
แล้ว AI Automation คืออะไร?
ลองนึกภาพโรงงานที่มี สายพานการผลิต เมื่อวัตถุดิบถูกวางลงบนสายพาน มันจะถูกส่งต่อไปยังแต่ละจุดโดยอัตโนมัติ คนงานไม่ต้องเดินยกไปเองทุกขั้นตอน ทุกอย่างไหลไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นสินค้าสำเร็จรูป
AI Automation ก็ทำงานแบบเดียวกัน เพราะมันคือ AI + Automation
- AI = คนงานที่มี “สมอง” คอยคิด วิเคราะห์ ตัดสินใจระหว่างทาง
- Automation = สายพาน ที่ช่วย “ส่งต่อ” งานจากแอปหนึ่งไปอีกแอปหนึ่งอัตโนมัติ เช่น จาก Inbox → Google Sheet → CRM → Email
ตัวอย่างเช่น กรณีน้องเอ ที่ต้องนั่งตอบคำถาม “ราคาเท่าไหร่คะ” ซ้ำๆ วันละร้อยครั้ง AI Automation จะมาช่วยทำงานแบบนี้
- ลูกค้า ส่งข้อความมาทาง LINE OA หรือ Facebook Inbox
- Automation จะดึงข้อความนี้ส่งต่อไปให้ AI
- AI จะอ่านข้อความ เข้าใจว่าเป็นการถามราคา และสร้างคำตอบขึ้นมา
- Automation จะนำคำตอบนั้นส่งกลับหาลูกค้าแบบอัตโนมัติ
ผลลัพธ์คือ ลูกค้าได้รับคำตอบทันที (โดยไม่ต้องรอคนมาตอบ) และน้องเอ ได้เวลาคืนมา ก็สามารถเอาไปใช้กับงานที่มีคุณค่ากว่า เช่น ปิดการขาย ดูแลลูกค้าเชิงลึก หรือสร้างกลยุทธ์ใหม่ให้ธุรกิจ
ดังนั้น AI Automation = ระบบที่ทั้ง “คิดเองได้” และ “ทำงานแทนได้” แบบ end-to-end โดยมีจุดแข็งคือสามารถเชื่อมแอปที่ใช้ทุกวัน (เช่น Inbox, Google Sheet, CRM, Email) ให้ทำงานเป็นสายพานเดียวกันอย่างอัตโนมัติ
มาถึงตอนนี้คุณคงจะมีคำถาม แล้วจะเริ่มใช้ AI Automation ยังไงล่ะ?
บอกเลยว่า AI Automation ไม่ได้เป็นของไกลตัวอย่างที่คิด “ไม่ต้องเป็น Programmer” และ “ไม่จำเป็นต้องเขียน Code” สำหรับคนที่ไม่มีความรู้เรื่องนี้มาเลย รับประกันว่าศึกษาแค่ 1 เดือนก็ใช้งานจริงได้แล้ว
ปัจจุบันมี แพลตฟอร์ม Automation มากมายที่ทำหน้าที่เหมือน “สายพาน” คอยรับงานจากแอปหนึ่งแล้วส่งต่อไปอีกแอปหนึ่ง เช่น Make, Zapier, Power Automate หรือ n8n ซึ่งเป็นเครื่องมือที่คนทั่วไปก็เริ่มได้ง่ายๆ
ก่อนจะไปเลือกว่าจะใช้แพลตฟอร์มไหน สิ่งสำคัญกว่าคือการหางานที่เหมาะสมจะ Automate ให้ได้เสียก่อน
- แยก Task ออกจาก Job ก่อน
หลายคนพลาดตรงนี้ — มองงานเป็นก้อนใหญ่เกินไป เช่น “งาน Admin” หรือ “งาน Sale” จริงๆ แล้วสิ่งที่ควรทำคือแยก Job ออกมาเป็น Task เล็กๆ (ขั้นตอนย่อยๆ) เพราะ Automation จะทำงานได้ดีที่สุดกับ Task ที่ชัดเจนและซ้ำๆ - ดูว่า Task ไหนเข้าข่ายคุณสมบัติ 3 ข้อ
เมื่อแยกเป็น Task แล้ว ให้คัดกรองว่า Task นั้น “เหมาะจะ Automate” หรือไม่ โดยใช้เกณฑ์ 3 ข้อ:
-
- 🔁 ซ้ำเดิมทุกครั้ง เช่น กรอกข้อมูลลูกค้าลง Google Sheet
- ⏱ เกิดขึ้นบ่อย แม้เล็กน้อยแต่รวมกันเสียเวลาเยอะ เช่น ตอบลูกค้าเรื่องราคาในแชททุกวัน
- 📋 มีกติกาหรือโครงชัดเจน เช่น รับ Topic → Research → เขียน Content → ส่งต่อ
ถ้า Task ของคุณเข้าข่ายข้อใดข้อหนึ่ง (หรือหลายข้อ) นั่นแหละคือ Candidate ที่ควรเอามา Automate
ตัวอย่างจริง: RealSmart ใช้ AI Automation ลดเวลาทำงานกว่า 90%
ที่บอกว่า จากงาน Routine ที่เคยใช้เวลาทำทั้งวัน ตอนนี้ใช้เวลาไม่กี่นาที ก็คือพูดเรื่องจริง เพราะเราเคยทำมาแล้วด้วยการใช้ AI Automation
ก่อนหน้านี้เราต้องทำสรุปข้อมูลรายงานจากไฟล์ Excel เพื่อนำไปอัปเดตลูกค้าในไลน์กลุ่มทุกวัน ขั้นตอนก็วนลูปเดิมทุกครั้ง: เปิดตาราง → อ่านข้อมูล → ตรวจข้อมูล → เขียนสรุป → คัดลอกข้อความ → ส่งในไลน์
ใช้เวลารวมแล้วกว่า 20 นาทีต่อครั้ง และทำทุกวันก็เปลืองชั่วโมงทำงานมหาศาล
แต่พอเปลี่ยนมาใช้ Automation + Chatbot ขั้นตอนทั้งหมดถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติ:
ผลลัพธ์คือ เวลาทำงานจาก 20 นาที เหลือแค่ 1 นาที หรือลดลงมากกว่า 90%
สรุป: AI Automation ต้องเริ่มแล้ว — ยิ่งเริ่มเร็ว ยิ่งได้เปรียบ
เริ่มศึกษาและใช้ AI Automation ตอนนี้ยังไม่สายไป ตอนนี้ให้คุณลองสังเกตดูก่อนว่างานไหนที่เหมาะจะ Automate โดยเริ่มมองจาก งานซ้ำๆ 🔁, ใช้เวลามาก ⏱, หรือมีโครงสร้างชัดเจน 📋ถ้ามีงานแบบนี้อยู่ แสดงว่าคุณต้องเริ่มใช้ AI Automation ดูแล้วล่ะ
ถ้าคุณอ่านมาถึงตรงนี้ แสดงว่าคุณเริ่มสนใจจะพา AI Automation เข้ามาในองค์กรแล้ว 🎯
ติดตาม RealSmart Academy ไว้เลย! เราจะอัปเดตเนื้อหาเกี่ยวกับ AI และ Automation อยู่เรื่อยๆ
หรือถ้าคุณอยากเรียนรู้แบบเข้มข้น ลงมือทำจริง มีที่ปรึกษาช่วยทุกขั้นตอน เรามีคอร์สสัมนาสด Real AI Leader คอร์สนี้ออกแบบมาเพื่อ เจ้าของธุรกิจและผู้บริหาร ที่อยากนำ AI + Automation มาใช้กับทีมจริง ไม่ได้มีแค่ทฤษฎี แต่ได้ Workshop จับมือทำ ตั้งแต่ 0
ลงทะเบียนเรียน Real AI Leader : คลิกที่นี่