0

ผู้บริโภคใช้ ChatGPT ทำอะไรกันบ้าง? และองค์กรเรียนรู้อะไรได้จากสิ่งนี้

10 กันยายน 2025

มาเริ่มกันก่อนว่า 5 เดือนที่ผ่านมาผู้บริโภคใช้ ChatGPT ทำอะไรกันบ้าง จาก Social Listening พบว่าผู้บริโภคใช้ ChatGPT หลากหลายรูปแบบ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ

  • การดูดวง ที่ครองอันดับหนึ่งด้วยเปอร์เซ็นต์สูงถึง 37.6%
  • ตามมาด้วยการใช้เพื่อตอบคำถามหรือค้นหาข้อมูลต่างๆ อยู่ที่ 28.74%
  • ขณะที่การสร้างและแต่งภาพ ก็ติดมาอันดับสามที่ 13.36%
  • ส่วนการแปลภาษา ปรับเนื้อหา หรือช่วยเขียนข้อความ อยู่ที่ 12.96%
  • และอีก 7.34% ถูกใช้เพื่อจุดประสงค์อื่นๆ เช่น ช่วยแต่งเพลง ปรับปรุงโค้ด วางแผนจัดการชีวิต เป็นเพื่อนคุยให้คำปรึกษา หรือแม้แต่ช่วยคิดแคปชั่นสำหรับการโพสต์บนโซเชียล

จากโลกออนไลน์ที่คึกคักกับการ “ดูดวงด้วย ChatGPT” โดยเครื่องมือ Social Listening ของเราพบว่ามีคอนเทนต์ และคำถามมากมาย อย่างเช่น “วันนี้ดวงการงานจะเป็นยังไง?” “อ่านลายมือด้วย ChatGPT”

แต่ท่ามกลางความสนุกก็เริ่มมีคำถามที่ชวนคิดตามว่า… “ข้อมูลที่เราใส่ไปนั้น ถูกเก็บไว้ที่ไหน?” “แล้วถูกนำไปใช้อะไรต่อหรือเปล่า?”

เสียงสะท้อนจากผู้บริโภคเริ่มชัดเจนขึ้น เช่น “ถ้ากรอกวันเกิดไป จะปลอดภัยไหม?” หรือ “ควรระวังเรื่องข้อมูลส่วนตัวไหม?” สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า ผู้ใช้เริ่มตระหนักถึง ความปลอดภัยของข้อมูลมากขึ้น และถ้ามองในมุมองค์กร ความเสี่ยงก็ยิ่งใหญ่กว่า เพราะบางครั้งพนักงานอาจเผลอ ทดลองใส่ข้อมูลเพื่อนร่วมงาน เอกสารประชุม หรือแม้แต่ร่างกลยุทธ์ภายใน ลงไปเพื่อให้ ChatGPT ช่วยปรับแต่ง โดยไม่ทันคิดว่าข้อมูลเหล่านั้นอาจถือเป็น ข้อมูลอ่อนไหวของบริษัท ซึ่งถ้าหลุดออกไปก็อาจกระทบทั้งชื่อเสียง ความเชื่อมั่น หรือแม้แต่ความได้เปรียบทางธุรกิจขององค์กร นี่จึงเป็นสัญญาณชัดเจนว่า องค์กรเองจำเป็นต้องกำหนดแนวทางการใช้ AI อย่างปลอดภัย พร้อมสร้างความเข้าใจให้กับพนักงาน เพื่อป้องกันไม่ให้ “เรื่องเล็กๆ” กลายเป็น ปัญหาใหญ่ระดับองค์กร

แม้ ChatGPT จะถูกนำมาใช้เพื่อช่วยงานเขียน ค้นหาข้อมูล ไปจนถึงช่วยโค้ด แต่ในชีวิตจริงผู้บริโภคกลับหยิบมาใช้ในมุมที่ “ไม่คาดคิด” อย่างการถามดวงความรัก การงาน การเงิน อ่านลายนิ้วมือ วิเคราะห์กราฟชีวิต จนกลายเป็นหนึ่งในคอนเทนต์ยอดนิยมบนโซเชียล สาเหตุหนึ่งคือ ChatGPT ตอบแบบ “เป็นกันเอง” และให้คำแนะนำเหมือนมีเพื่อนคุย

อย่างไรก็ตามความสนุกเหล่านี้ก็ได้พาไปสู่ประเด็นที่สำคัญไม่แพ้กัน นั่นคือเรื่อง “ความปลอดภัยของข้อมูล” จากการเก็บข้อมูล Social Listening เราพบว่ามีผู้บริโภคเริ่มตั้งคำถามเรื่องความปลอดภัยหรือมีคำเตือนให้ระวังเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัว เช่น

นี่คือจุดที่ความสนุกเริ่มทับซ้อนกับ “ความเสี่ยง” เพราะการใส่ข้อมูลส่วนตัวโดยไม่ทันคิด อาจนำไปสู่การรั่วไหลได้โดยไม่รู้ตัว ยิ่งไปกว่านั้น ChatGPT ยังมีฟีเจอร์ “Improve the model for everyone” ซึ่งหมายความว่าสิ่งที่คุณป้อนเข้าไปอาจถูกนำไปใช้ฝึกโมเดลต่อในอนาคต

ดังนั้น บทเรียนสำหรับองค์กรคือ ไม่ใช่แค่ผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องระวัง แต่ในระดับธุรกิจ หากพนักงานเผลอใส่ข้อมูลภายใน เช่น เอกสารธุรกิจ แผนกลยุทธ์ หรือข้อมูลลูกค้า ความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจรุนแรงกว่าหลายเท่า นี่จึงเป็นเหตุผลที่องค์กรควร กำหนดแนวทางการใช้งาน AI อย่างชัดเจน ว่าอะไรแชร์ได้ อะไรไม่ควรแชร์ และสามารถลดความเสี่ยงตั้งแต่แรกได้จากการตั้งค่าใน ChatGPT (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตั้งค่าใน ChatGPT)

สรุป

กระแสดูดวงด้วย ChatGPT อาจเป็นความบันเทิงบนโลกออนไลน์ แต่สำหรับองค์กร มันคือสัญญาณเตือนว่า การใช้ AI โดยไม่ระวัง อาจทำให้ข้อมูลอ่อนไหวรั่วไหลได้ ไม่ว่าจะเป็นเอกสารธุรกิจ แผนกลยุทธ์ หรือข้อมูลลูกค้า องค์กรจึงจำเป็นต้องสร้าง แนวทางและวัฒนธรรมการใช้ AI อย่างปลอดภัย เพื่อปกป้องทั้งข้อมูล ความเชื่อมั่น และความน่าเชื่อถือในระยะยาว