เมื่อ GOOGLE ADS อัปเดตเรื่อง KEYWORD MATCHING มีอะไรที่ต้องรู้บ้าง?

สำหรับคนที่เคยใช้งาน Google Ads คงจะรู้จัก Keyword matching กันดีอยู่แล้วนะครับ ซึ่งมีทั้งหมดอยู่ 5 แบบ ได้แก่

1. Broad match คีย์เวิร์ดแบบกว้าง ไม่ต้องใส่สัญลักษณ์อะไรเพิ่มเติม
2. Exact match คีย์เวิร์ดแบบตรง เพิ่มสัญลักษณ์ […] ปิดหน้าและหลังคีย์เวิร์ด
3. Phrase match คีย์เวิร์ดแบบวลี ใช้สัญลักษณ์ “…” ปิดหน้าและหลังคีย์
4. Broad match modifier ตัวแก้ไขคีย์เวิร์ดแบบกว้าง คล้ายกับ Broad match แต่จะเพิ่มสัญลักษณ์ +

สามารถดูรายละเอียดเกี่ยวกับ Keyword matching แบบต่างๆ ได้ที่ภาพล่างครับ

แต่ละแบบก็มีข้อดีและข้อควรระวังแตกต่างกันไป ผู้ลงโฆษณาจึงต้องเลือก Keyword matching ในแบบที่เหมาะสม ซึ่ง Google ก็ได้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของ Keyword matching อยู่ตลอด

จากเดิมที่ผู้ลงโฆษณาต้องพยายามหา Keyword ต่างๆ ให้หลากหลายที่สุด เพื่อให้ครอบคลุมกับคำที่ผู้ใช้จะค้นหาบน Google ก็ไม่ต้องทำแบบนั้นอีกต่อไป เพราะ Google Ads ได้นำ Same Meaning เข้ามาใช้กับ Exact match โดยยึดเรื่อง ความหมายและจุดประสงค์ในการค้นหา ดังนั้นแปลว่าผู้ใช้สามารถค้นหาเราเจอ ถึงแม้จะพิมพ์ผิดก็ตาม

ล่าสุด (31 July 2019) Google Ads ได้อัปเดตเรื่อง Keyword matching ใหม่เพิ่มเติม หลายๆ คนก็คงจะพอทราบข่าวนี้กันแล้วนะครับ กับเรื่อง…

Same Meaning สามารถใช้กับ Phrase Match และ Broad Match Modifiers ได้แล้ว

ก่อนหน้านี้ Same Meaning จะสามารถใช้ได้กับ Exact match เท่านั้น แปลว่าเรายังสามารถกำหนด Keyword ที่ต้องการได้ด้วยการ Matching แบบอื่น แต่อัปเดตล่าสุด Google Ads ได้นำ Same Meaning มาใช้กับ Phrase Match และ Broad Match Modifiers ด้วย ทำให้ไม่ว่าจะซื้อโฆษณาด้วย Keyword Matching แบบไหน ระบบก็จะมีการนำ Same Meaning มาใช้กับโฆษณาเสมอ

ยกตัวอย่าง

Phrase Match

เดิมเป็นการกำหนดคีย์เวิร์ดแบบวลี ถ้ามีวลีนั้นในคำค้นหา ลูกค้าก็จะเจอโฆษณาของเรา แต่อัปเดตใหม่ ทำให้ลูกค้าสามารถเจอโฆษณาของเราได้ ถ้าค้นหาด้วยวลีอื่นๆ แต่มีความหมายเดียวกับวลีที่เรากำหนด

ตัวอย่างคีย์เวิร์ด “กระเป๋าผู้หญิง”
เดิม โฆษณาจะปรากฏเมื่อลูกค้าหา กระเป๋าผู้หญิงสวยๆ, กระเป๋าผู้หญิงราคาถูก ฯลฯ
ใหม่ โฆษณาจะปรากฏเมื่อลูกค้าหา กระเป๋าเลดี้สวยๆ, กระเป๋าเพศหญิงราคาถูก ฯลฯ

Broad Match Modifiers

เดิมเป็นการกำหนดคีย์เวิร์ดแบบหลายๆ คำ นำมารวมกัน สามารถมีคำอื่นมารวมด้วยได้ แต่ต้องมีคีย์เวิร์ดที่กำหนดอยู่ในคำค้นหาครับ

ตัวอย่างคีย์เวิร์ด +กระเป๋า +ผู้หญิง
เดิม โฆษณาจะปรากฏเมื่อลูกค้าหา วิธีเย็บกระเป๋าผู้หญิง, สั่งซื้อกระเป๋าผู้หญิง, กระเป๋าสำหรับผู้หญิง ฯลฯ
ใหม่ โฆษณาจะปรากฏเมื่อลูกค้าหา วิธีเย็บกระเป๋าเลดี้, สั่งซื้อกระเป๋าเพศหญิง, ถุงผ้าสำหรับผู้หญิง ฯลฯ

ข้อดีและข้อควรระวังของ Same Meaning

มาดูกันเลยว่าอัปเดตครั้งใหม่นี้ มีข้อดียังไงและมีอะไรที่ต้องพึงระวังครับ…

ข้อดี: ไม่ว่าเราจะซื้อโฆษณาด้วย Keyword Matching แบบไหน โฆษณาของเราก็จะมีโอกาสแสดงผลมากขึ้น แม้ไม่ใช่ Keyword ที่เรากำหนดไว้ครับ ผู้ลงโฆษณาไม่ต้องเสียเวลาไปหา Keyword ให้หลากหลายอย่างเมื่อก่อนแล้ว Same Meaning จะประมวลผลให้เองว่า Keyword แบบไหนที่ควรแสดงผลโฆษณาของเรา

ข้อควรระวัง: เกิดยอดคลิกเพิ่มขึ้น เนื่องจากโฆษณาแสดงผลมากขึ้น ซึ่งมีโอกาสทำให้โฆษณาใช้งบประมาณเร็วขึ้นด้วยครับ อีกทั้งเราต้องตรวจสอบให้ดีว่าคำที่ผู้ใช้ค้นหาแล้วมาเจอเรา เป็นคำที่เกี่ยวข้องกับโฆษณาของเราหรือไม่

เรียกได้ว่าเป็นการอัปเดตที่ส่งผลดีต่อผู้ใช้งานยิ่งขึ้นครับ เพราะค้นอะไรก็เจอ แต่สำหรับผู้ลงโฆษณาคงต้องปรับตัวกันไป ทั้งเรื่องการใช้งานเครื่องมือต่างๆ ของ Google Ads และการหา Keyword เพื่อให้สามารถลงโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพและตรงตามความต้องการครับ

#GoogleAds #KeywordMatching #MintedAcademy #MyDigitalPartner