ถ้าคุณมีเว็บไซต์ คงจะรู้จักและเคยใช้งาน Google Analytics ใช่ไหมครับ? ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นเครื่องมือที่ตรวจจับพฤติกรรมของลูกค้าที่เข้าเว็บไซต์เราได้ละเอียดที่สุดแล้วในขณะนี้ แต่การได้ข้อมูลมาแล้วยังไม่พอครับ เราต้องมีการทดสอบ เพื่อหาว่าลูกค้าชอบหน้าเว็บแบบไหนมากที่สุด ด้วย “Google Optimize”
Google Optimize คืออะไร
Google Optimize (https://optimize.google.com/) เป็นเครื่องมือการตลาดออนไลน์ของ Google เป็นหนึ่งใน Google Marketing Platform ใช้สำหรับนำเสนอหน้าเว็บแบบต่างๆ กับลูกค้า เพื่อหาว่าหน้าเว็บแบบไหนที่ลูกค้าชอบมากที่สุด
Google Optimize ทำให้เราไม่ต้องไปทำหน้าเว็บเผื่อไว้หลายๆแบบ สามารถแก้ไขผ่านเครื่องมือต่างๆที่มีมาให้ในแพลตฟอร์มนี้ได้เลยครับ เช่น ทดสอบว่าทำไมลูกค้าไม่กดปุ่มสั่งซื้อ ก็ลองเปลี่ยนรูปแบบปุ่มสั่งซื้อ แล้วทดสอบด้วย Google Optimize ว่าแบบ A หรือแบบ B มียอดสั่งซื้อมากกกว่า เป็นต้น
Note: บทความนี้จะยังไม่ได้สอน How to การตั้งค่าต่างๆ แต่ผมจะพูดถึงภาพรวมของ Google Optimize ว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง? เพื่อให้คุณได้รู้จักกับเครื่องมือนี้ และเป็นไอเดียในการทดสอบและปรับปรุงเว็บไซต์ของคุณต่อไปครับ
โครงสร้าง Google Optimize ประกอบไปด้วยทั้งหมด 4 ส่วนดังนี้
- สร้างประสบการณ์ (Create experience)
- กำหนดกฎในการทดสอบ (Create Variants)
- เลือกวัตถุประสงค์ (Choose Objectives)
- กำหนดระยะเวลาทดสอบ (Schedule)
มาดูกันครับ ว่าแต่ละส่วนนั้นเป็นอย่างไร? และสามารถทำอะไรได้บ้าง?
1.สร้างประสบการณ์ (Create experience)
เรียกง่ายๆ ว่าเราต้องการทดสอบหน้าเว็บด้วยวิธีใด มีทั้งหมด 4 วิธี ดังนี้
แบบที่ 1 เรากำหนดรูปแบบการจัดวางเอง
1.1 การทดสอบอัลฟา/เบต้า หรือที่เรียกว่า A/B Testing ครับ ทดสอบระหว่างหน้าเว็บ 2 แบบขึ้นไป
1.2 การทดสอบหลายตัวแปร ก็คือการใช้หน้าเว็บหน้าเดิม แต่ส่วนต่างๆ บนหน้าเว็บไม่เหมือนกัน เช่น มี Banner กับไม่มี Banner เป็นต้น สามารถแก้ไขหน้าเว็บได้เลย ผ่านเครื่องมือของ Google Optimize ลิงก์เดียวกัน แต่ลักษณะเว็บแตกต่างหลายจุด
1.3 การทดสอบการเปลี่ยนเส้นทาง กลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน ก็ให้เข้าหน้าเว็บคนละหน้าไปเลย ลิงก์ไม่เหมือนกัน
แบบที่ 2 การปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับแต่ละบุคคล
กำหนดให้กลุ่มเป้าหมายที่แตกต่าง มองเห็นเว็บไซต์แตกต่างกัน ตามแต่ละบุคคล
2.การกำหนดกฏในการทดสอบ (Create Variants)
เราต้องเลือกว่าจะเอาอะไรเป็นเกณฑ์ในการจำแนกกลุ่มเป้าหมาย เช่น จำแนกตามกลุ่มเป้าหมายบน Google Analytics (ต้องใช้ Optimize 360 เท่านั้น ซึ่งเป็นหนึ่งใน Ads 360 Platform ), แคมเปญบน Google Ads, จำแนกตามพฤติกรรม (ผู้ใช้ใหม่ หรือผู้ใช้เดิมที่กลับมา), จำแนกตามที่อยู่ หรือแม้แต่การจำแนกเทคโนโลยีที่ลูกค้าใช้ก็สามารถทำได้ครับ เช่น ใช้เบราว์เซอร์ต่างกัน ก็เห็นหน้าเว็บที่ต่างกัน เป็นต้น
Note: Ads 360 Platform เป็นเครื่องมือสำหรับเอเจนซี่ นักการตลาด หรือองค์กรขนาดใหญ่ ที่ต้องดูแลด้านตลาดออนไลน์หลายช่องทาง และมีแคมเปญจำนวนมาก หากต้องการใช้งาน ต้องติดต่อกับ Sales ของ Google Marketing Platform โดยตรง
3.เลือกวัตถุประสงค์ (Choose Objectives)
เราต้องการจะทดสอบอะไร เช่น
• หน้าเว็บที่แตกต่างทำให้กลุ่มเป้าหมายอยู่ในเว็บนานขึ้นไหม?
• ทำให้กลุ่มเป้าหมายเปิดหน้าอื่นๆเพิ่มขึ้นไหม?
• หรือ ทำให้ลูกค้ากลับเข้าเว็บอีกครั้งเพิ่มมากขึ้นหรือเปล่า?
หลักๆ จะมี 3 วัตถุประสงค์ให้เราเลือกครับ แต่เราสามารถเพิ่มวัตถุประสงค์ได้อีก ถ้า Google Optimize ลิงก์กับ Google Analytics แล้วบน Google Analytics มีการสร้างวัตถุประสงค์เอาไว้ ข้อมูลก็จะถูกดึงมาแสดงบน Google Optimize ด้วยครับ
4.กำหนดระยะเวลาทดสอบ (Schedule)
สามารถเลือกระยะเวลาทดสอบได้ครับ โดยเลือกวันเริ่มต้น และวันสิ้นสุดการทดสอบ แต่อย่างไรก็ตามเราจะไม่กำหนดวันสิ้นสุดเลยก็ได้เช่นกัน ซึ่งระบบก็จะทดสอบไปเรื่อยๆ ครับ
Google Optimize ช่วยแก้ปัญหาอะไรให้กับเว็บไซต์ของเราได้บ้าง?
ยกตัวอย่าง เว็บไซต์ไม่มีคนลงทะเบียน เราต้องมาตรวจสอบหน้าลงทะเบียน และปรับแก้ภายหลัง แต่ Google Optimize เราสามารถกำหนดให้กลุ่มเป้าหมายมองเห็นฟอร์มลงทะเบียนได้หลายแบบ เพื่อหาแบบที่ดีที่สุดเพื่อนำไปใช้จริงในการลงโฆษณาได้ครับ
ถ้าเราใช้เพียงแค่ Google Analytics เพียงอย่างเดียวก็จะพลาดฟีเจอร์ดีๆ เหล่านี้จาก Google Optimize ไป ดังนั้นการใช้ Google Analytics ควบคู่กับ Google Optimize ก็จะสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเว็บไซต์ และส่งผลไปถึงการทำการตลาดออนไลน์ให้ดียิ่งขึ้นได้ด้วยเช่นกัน พร้อมกับวัดผลได้ว่าเว็บไซต์แบบไหนที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายที่สุดครับ
#GoogleOptimize #GoogleAnalytics
#MyDigitalPartner #MintedAcademy
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก: Google Optimize (https://support.google.com/optimize/answer/7012154)